วันพฤหัสบดีที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

เมื่อฉันจะเป็นเด็กซิ่วเตรียมฯ


เราก็ไม่ได้อะไรมากหรอก จุดประสงค์หลักคือ ไปแก้มือ อยากพิชิตข้อสอบให้ได้ แต่ถ้าได้ก็เอา 55555555 คือกระแสก็แรงนะในโลกออนไลน์เกี่ยวกับเด็กซิ่วเตรียมฯซึ่งถามว่า เราผิดมั้ยที่จะซิ่ว ก็ไม่นะคะ อยู่ที่แต่ละบุคคลด้วยว่าเขานึกเสียดายเวลาที่เสียไปมั้ย แต่เอาจริงๆหนึ่งปีที่ใช้ไปกับสามปีในเตรียมฯ เราว่ามันคุ้มกันนะ (ตอนนี้ที่มาเเก้บล็อกใหม่ เราก็อยู่เตรียมฯแล้ว มันคุ้มจริง) การศึกษาไม่มีว่าเสียเวลาหรอก ขอให้ทุกคนที่จะซิ่ว ตั้งใจกับมันเเละผ่านไปให้ได้นะ


                เครดิตรูป http://horsemanshipinharmony.blogspot.com/2012/02/dont-try-just-do-it.html


 สำหรับคนที่อยากจะซิ่วก็คุยกับทางบ้านเยอะๆเพราะเราก็คุยแต่กับพ่อไม่ได้คุยกับแม่มาก เลยทำให้มีปัญหากันนิดหน่อย อยากให้ชี้เเจงเหตุผลกับท่าน เราเชื่อว่าท่านจะเข้าใจ เพราะไม่มีใครรักเราเท่าพ่อเเม่หรอก

เครดิตรูป http://www.talkaboutgiving.org/2011/06/


   เตรียมฯให้อะไรกับเราเยอะมาก ทั้งความรู้ สังคมดีๆ โอกาสในการทำกิจกรรมต่างๆ คือเป็นเด็กเตรียมฯมันไม่ได้เครียดอย่างที่คิดนะ เราช่วยกันเรียน เวลามีกิจกรรมเราก็เต็มที่ (ถึงขนาดที่ว่าพอจบงาน เจอกันอีกทีเเล้วจำไม่ได้อ่ะ เเบบเห็นติ๋มๆ ก็แดดดิ้นออนเดอะฟลอร์ได้นะจ๊ะ อิอิ) จากสองปีที่ผ่านมา เราได้ไปดูวง Acapella ของมหาวิทยาลัย Yale บ้าง , ได้เจอคู่คิด , ได้ฝึกภาษา ฯลฯ ล่าสุดเราได้ทุนจากสถาบัน Goethe ไปแลกเปลี่ยนที่เยอรมัน 1 เดือน (เเต่ไม่ได้ไปเที่ยวนะ 555 ไปเรียนเกี่ยวกับสื่อสิ่งพิมพ์)
   ชีวิตเราเปลี่ยนจริงๆ หลังจากที่ได้เข้าเตรียมฯ ตอนนี้ก็ถึงตาพวกเธอเเล้วล่ะ ว่าที่ ต.อ. ทั้งหลาย

- อยากทำฝันให้เป็นจริง จงตื่น เพราะการกระทำมันสู้น้ำลายไม่ได้หรอกนะ -

อ่านไปสอนไป : คำอัพภาส

สำหรับในข้อสอบเตรียมฯ ผู้เขียนได้พลาดเรื่องนี้ไปเนื่องด้วยความลนลาน รีบทำเกินไป ทำให้พลาดข้อคำอัพภาสไปอย่างน่าเสียดาย



เอาเป็นว่าเข้าเรื่อง คำอัพภาส คือ คำที่เกิดจากคำมูลสองคำซ้ำกัน จึงมีการกร่อนเสียงคำหน้า
(เอ๊ะ! ตามความเข้าใจของผู้เขียนค่ะ)

ตัวอย่าง
จากเดิม         ลิ่วลิ่ว          เป็น          ละลิ่ว
                    ยับยับ         เป็น          ยะยับ          เป็นต้น

ป.ล. ข้อสอบ : โจทย์ให้ตัวเลือกมาโดยจะมีคำอัพภาสปนอยู่ในข้อความแล้วถามว่าข้อใดมีคำอัพภาสมากที่สุด เราก็นับๆเอานะ แต่ผู้เขียนจำตัวเลือกไม่ได้ล่ะ

เครดิตรูป http://saritanunniericotta.exteen.com/20130116/entry
                   

วันพุธที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

เล่าสู่กันฟัง : The odd life of timothy green.

เป็นหนังที่ดีสำหรับครอบครัวและทุกวัยนะคะ คือเปลี่ยนจากเรื่องเตรียมฯมาเรื่องหนังได้ไง (เอ๊ะ!)
ก็มันเป็นอีกวิธีหนึ่งที่เราจะได้ฝึกภาษาอังกฤษนั่นเองโดยการดูหนังประเภท Dual language ซึ่งก็พยายามไม่ดูคำแปลด้านล่างนะคะ แต่ถ้าแปลไม่ออกก็แอบดูได้เป็นครั้งคราว ได้ทั้งความบันเทิงและความรู้ไปพร้อมๆกันค่ะ

The Odd Life of Timothy Green
สำหรับหนังเรื่องนี้ก็อยากให้ทุกครอบครัวได้ดูกันนะคะ เพราะสะท้อนให้เห็นหลายอย่างมากที่น่าจะจะเกิดขึ้นกับทุกครอบครัวในการที่อยากให้ลูกเป็นโน่นเป็นนี่ ประมาณว่า ลูกฉันต้องเก่ง ต้องเด่นทุกด้าน ต้องเป็นแบบเขา แต่ตัวเองก็ไม่ได้ดูเลยว่าลูกมีความคล้อยตามอยากเป็นแบบนั้นหรือเปล่า ตัวผู้เขียนเองก็มีบ้างนะคะที่โดนกดดันจากพ่อแม่เหมือนกันว่า แม่อยากให้เป็นหมอเป็นพยาบาล พ่ออยากให้เรียนกฎหมายเป็นทนายเป็นผู้พิพากษา ซึ่งตัวผู้เขียนนั้นไปคนละทางกับสายอาชีพนั้นๆโดยสิ้นเชิงเพราะผู้เขียนเป็นพวกชอบวาดรูป ถ่ายภาพ นั่นแหละค่ะความหนักใจที่เด็กไทยหลายคนต้องประสบแน่ๆ

The Odd Life of Timothy Green
               

The odd life of timothy green เป็นเรื่องเกี่ยวกับคู่สามีภรรยาที่อยากมีลูก ลองทุกทางแล้วแต่ก็ไม่มีสักที  ทั้งคู่เลยสิ้นหวังสัญญากันว่าคืนนี้จะเป็นคืนสุดท้ายที่พวกเขาจะพูดถึงเรื่องต่างๆเกี่ยวกับลูกผู้ไ่ม่มีตัวตน พวกเขาเขียนสิ่งที่อยากให้ลูกเป็นลงในกระดาษทั้งอารมณ์ขัน เก่ง ซื่อสัตย์ และอีกมากมาย จากนั้นก็นำกระดาษใส่กล่องไม้แล้วฝังดินไปถือเป็นการตัดใจ แต่คืนนั้นพวกเขาก็ได้พบเด็กชายชื่อ ทิโมธี ผู้อ้างเป็นลูกชายของพวกเขามาอย่างไม่รู้ว่าฟ้าเป็นใจหรือกลั่นแกล้งกันแน่
นอกนั้นไปดูเองนะคะ เดี๋ยวบอกหมดมันไม่สนุกแล้วก็ต้องให้เครดิตหนังเขานิดนึง
ป.ล. สำหรับคนที่ใกล้สอบหรือคนที่จะสอบเตรียมฯก็อย่าลืมอ่านหนังสือกันเน้อ เอาใจช่วยในฐานะคนที่จะสอบเหมือนกัน

The Odd Life of Timothy Green

The Odd Life of Timothy Green

The Odd Life of Timothy Green

เครดิตรูป(ตามลำดับ) 

วันอังคารที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ข้อสอบเตรียมฯ จะบอกให้...


ข้อสอบเตรียมฯ ตัวผู้เขียนยอมรับว่า ทำได้ แต่คงจะสู้คนที่ทำได้มากๆไม่ได้ล่ะมั้ง ทำให้ผู้เขียนเข้าขั้นว่า เกือบติดนิดๆ สำหรับตัวผู้เขียนก็จะสอบใหม่ในปีหน้าเพื่อแก้มืออีกที (แต่ถ้าได้ก็เอานะคะ ฮ่าๆ)


ข้อสอบไทย
ก็หลักภาษา กาพย์ต่างๆ คำราชาศัพท์ (เดี๋ยวผู้เขียนจะโพสต์เนื้อหาให้ทีหลัง)
แนะนำว่าให้ผู้อ่าน ทำข้อสอบดีกว่าเน้อ ไม่ต้องอ่านให้ยุ่งยากมากเพราะผู้เขียนก็ได้อะไรเยอะจาการทำข้อสอบแทนการอ่านและตำราของครูลิลลี่กับครูปิงอ่านเข้าใจง่าย อันนี้แนะนำ


ข้อสอบภาษาอังกฤษ
แนะนำให้เน้นศัพท์เยอะๆ แต่โชคดีปีนี้ไม่มี odd one out (หาคำที่ไม่เข้าพวก) สำหรับการจำศัพท์เพลงครูพี่แนนก็ดีค่ะ ช่วยได้เยอะ (คนที่ไม่ได้เรียนกับครูพี่แนนก็หาคลิปเพลงได้ใน YouTube นะคะ) หรือจะท่องเอาก็ได้  แล้วก็จะมี Error มีป้ายประกาศต่างๆเช่น โจทย์ให้ป้ายประกาศขายบ้านสี่ใบ ตัวเลือกจะมีให้ว่าอยากได้บ้านแบบไหนสี่ตัวเลือก เราก็ต้องจับคู่โจทย์กับตัวเลือกให้สัมพันธ์กัน เป็นต้น มีเนื้อเรื่องมาให้แล้วก็จะมีช่องว่างให้เติมคำศัพท์ลงไป


ข้อสอบสังคม
เปิดข่าวดูเถอะค่ะ อย่างข่าวเด่นว่า มีการประชุมที่บ้านเรา มาทำิอะไร หัวข้อหลักการประชุมคืออะไร  แล้วก็หลักธรรม (ถ้ามีเวลาก็เจาะลึกหน่อยว่า หลักธรรมนี้เคยเทศน์ในวันสำคัญวันไหนบ้าง
ยากนะเนี่ย -_-;) แล้วก็เศรษฐศาสตร์ค่ะ เกี่ยวกับพวกตลาดเสรี อะไรประมาณนั้น อุปสงค์ อุปทานซึ่งบางทีเขาก็ให้มาแบบ โจทย์ให้เหตุการณ์มา ตัวเลือกจะเป็นแบบ demand เพิ่มขึ้น supply ลดขึ้น และตัวเลือกอื่นก็สลับกันไปมาระหว่างค่าของ demand และ supply เป็นต้นค่ะ



แต่อย่าฝันอย่างเดียวนะคะเพราะหลายคนก็ตื่นขึ้นมาแล้วลงมือทำแล้ว
เครดิตรูป http://www.tumblr.com/tagged/dream%20quotes

เมื่อไปสอบเตรียมฯ

จริงๆแล้ว ตัวคนเขียนเองก็ไม่ได้ติดเตรียมฯหรอกค่ะ แต่ก็อยากจะเขียนเกี่ยวกับประสบการณ์การสอบ   เตรียมฯและข้อสอบซึ่งค่อนข้างทำให้ผู้เขียนท้อใจเลยทีเดียว เรามาเริ่มจากตอนไปสมัครดีกว่า...

วันสมัคร
เป็นวันที่จะเหยียบเท้ากันเลยทีเดียวตอนที่รอบัตรคิว พอได้บัตรแล้วเขาก็จะเรียกไปตรวจเอกสารว่าเรียงถูกมั้ย แต่ตัวผู้เขียนจำไม่ได้แล้วว่าให้เอาอะไรขึ้นก่อนขึ้นหลังและทางที่ดีควรพกกาว ปากกาไปด้วย ติดรูปให้เรียบร้อยเลยก็ดี เสร็จแล้วก็รอสักพักเขาจะเรียกเป็นคิวแบบ 1-100 อะไรประมาณนั้น เราก็จะยกบัตรให้พี่เขาดูด้วยตอนก่อนเข้าหอเกียรติยศ(เอ๊ะ เรียกถูกไหมหนอ) คือความรู้สึกตอนนั้นรู้สึกว่า เราเข้าถึงหรือสัมผัสความเป็นเตรียมฯได้เลยน่ะ เอาล่ะ พอเข้าไปแล้วเขาก็จะจัดให้เรานั่งบนม้านั่งแล้วก็จะเรียกคิวอีกทีในนั้นเป็นการตรวจเอกสารอีกที (เราต้องเขียนสำเนาถูกต้องด้วยนะเพื่อรับรองสำเนา) และขั้นตอนนี้คงจะเป็นขั้นตอนการคัดกรองเด็กที่มาสอบใหม่ด้วยหรือเด็กซิ่วนั่นเอง เขาจะมีเอกสารให้กรองชื่อต่างหากด้วยค่ะ เอาเป็นว่าเสร็จขั้นตอนการตรวจสอบเอกสาร เออ รุ่นพี่จะนำไปตึก...(จำไม่ได้แล้วค่ะ) แล้วเราก็จะได้บัตรเข้าสอบ ข้อมูลปลีกย่อยอย่าง ตึกที่สอบ (แล้วแต่สายบางสายจะได้ไปสอบของตึกคณะต่างๆในจุฬาฯ อย่างผู้เขียนสอบศิลป์-เยอรมันก็สอบตึกของคณะอักษรฯ ตึกมหาจักรีสิรินธรณ์)

วันสอบ
เป็นวันที่ผู้เขียนมีอาการลนลานมาก แต่ก็ตั้งสติไว้ แนะนำให้ผู้อ่านตื่นแต่เช้าเพื่อเตรียมของสำหรับการสอบไว้ซึ่งเราสามารถนำลูกอม น้ำเปล่าเข้าไปได้ (ผู้เขียนเพิ่งรู้เพราะดูจากคนโต๊ะหน้า) และแนะนำให้ไปโดยรถไฟฟ้าเพราะรวดเร็วทันใจกว่ารถยนต์่ส่วนตัว หลังจากลงสถานีสยามแล้วก็เดินไปอีกไม่ไกลมากก็จะถึงที่หมาย และที่แนะนำคือ เข้าห้องน้ำตอนที่คนมันยังไม่เข้าซะ เพราะตอนก่อนสอบคนรอเข้าห้องน้ำกันเยอะมากแบบต่อแถวยาวออกมาด้านนอกเลยทีเดียว เราสอบสองรอบรอบเช้าบ่าย ขอบอกว่า ผู้เขียนก็เพิ่งรู้ว่าข้อสอบสามารถทำให้เราจิตวิตกและคลุ้มคลั่งได้นะเนี่ย


รูปนี้สวยดีนะคะ ขอเอามาแปะหน่อยละกัน เป็นกำลังใจแก่รุ่นต่อๆไป